วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เดชาวู (déjà vu)

เดชาวู (déjà vu)


เดชาวู (déjà vu) เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า เคยเห็นมาก่อนแล้ว
คำว่า déjà vu นี้ มาจาก นักวิจัยชาวฝรั่งเศสซึ่งศึกษาเรื่องลึกลับของจิตชื่อ Emile Boirac
เดจาวู ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นประสบการณ์ทางจิตที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนและทุกเวลา เกิดได้แม้กระทั่งในเวลาตื่นโดยเราอาจจะคิดว่าเราเพ้อฝันไป เป็นอาการที่รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งพบครั้งแรกนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดมาแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าเกิดขึ้นในฝันหรือในอดีต คำอธิบายที่เรามักอ้างให้ตัวเองคือ "คิดไปเองน่า" ได้มีการทำโพลสำรวจพบว่า คนอเมริกันราว 67% เคยมีประสบการณ์เดชาวู
ส่วนใหญ่ก็จะใช้กันในแวดวงเรื่องของจิต เรื่องของสังหรณ์และการระลึกได้มากกว่า

เดชาวูที่น่ารู้จัก 3 แบบหลัก
1. เดชา เวกู (déjà vécu) หรือ "เคยใช้ชีวิตในลักษณะเช่นนี้มาแล้ว"  นั่นคือ คนที่มีประสบการณ์นี้จะรู้สึกเหมือนกับว่า ตัวเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น ได้เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วในอดีต ตรงกันหมดในรายละเอียดไม่ว่าสถานที่ สิ่งของ คนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคำพูด และกิริยาท่าทางของคนรอบข้าง
2.เดชา ซองติ (déjà senti) หรือ "เคยรู้สึกเช่นนี้มาแล้ว" นั้น มีจุดแตกต่างจากเดชา เวกู ตรงที่ว่า เดชา ซองติ เป็นความรู้สึกที่ขึ้นในใจเป็นหลัก และมักจะถูกกระตุ้นด้วย "คำ" เช่น ได้ยินคนอื่นพูด คิดคำอยู่ในใจ หรืออ่านคำ ๆ หนึ่งแล้วคิดตาม  และที่สำคัญคือ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ (ทำนายเหตุการณ์ไม่ได้) ซึ่งต่างจากกรณีของเดชา เวกู
3.เดชา วิซีต (déjà visitè) หรือเคยเยือนสถานที่นี้มาแล้วนี่ก็ลึกลับไม่เบา เพราะมีหลายกรณีที่บางคนบันทึกไว้ว่า รู้สึกคุ้นเคยราวกับว่าเคยอาศัยอยู่ใน (หรือเคยไปเยี่ยมเยือน) สถานที่หนึ่ง ๆ มาแล้ว ทั้ง ๆ ที่เพิ่งไปเป็นครั้งแรก
- ตัวอย่างในละครเรื่องเกมร้ายเกมรัก ที่ญาญ่า พูดกับ สายชลหรือชาร์ลส์ ว่าเป็นอาการที่เกิดกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเคยประสบครั้งแรก แต่มีความรู้สึกเหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต


ทฤษฎีแรก อดีตชาติ
เดจาวู เป็นประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ..สิ่งใดก็ตามที่เคยเกิดไปแล้วในอดีต จะย้อนกลับมาเกิดซํ้าอีก เหมือนกับการที่เรากลับชาติมาหลายชาติ นั่นแหละ เราจะผ่านประสบการณ์มากมาย และบางสิ่งอาจหลงเหลือในความทรงจำ แล้วย้อนกลับมาเกิดอีก ทำให้รู้สึกว่าเคยเห็นมาก่อน
ทฤษฎีที่สอง พลังจิต

บ้างว่า เดจาวู เป็นพลังจิตรูปหนึ่ง บ้างเรียกว่า ตาทิพย์ หรือ กสิณ ในตำราพราหมณ์ เป็นเพราะกายทิพย์ของคนนั้นได้ไปเยือนสถานที่แห่งนั้นมาแล้ว พอกายเนื้อไปที่นั่นจริง ๆ ก็เลยจำได้
ทฤษฎีที่สาม จักรวาลคู่ขนาน

มีคนผูกทฤษฎีเดจาวู กับทฤษฎีจักรวาลคู่ขนาน กล่าวว่า การที่เรารู้สึกหรือเห็นภาพที่คล้ายว่าเคยทำมาก่อน นั่นแหละ คุณเคยทำจริง แต่เป็นคุณในอีกโลกหนึ่งต่างหากที่ได้ทำ คุณในทุกๆโลก ถูกผูกกันด้วยสายใยบางอย่าง อาจเป็นเพราะ สมองมีคลื่นตรงกัน ก็เป็นคุณคนเดียวกันนี่นาในบางจังหวะที่เหมาะสม กระแสประสาทจูนกัน คุณก็ได้รับรู้ถึงกระแสความคิดจากคุณในอีกโลก
ทฤษฎีสุดท้าย คิดไปเอง

ทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่า เกิดจากสมองแปลข้อมูลผิดพลาด พูดง่ายๆก็คือ ไม่ได้เห็นมาแล้วหรอก แต่คิดไปว่าเห็นมาแล้ว ทางการแพทย์เรียกว่า การไหลของคลื่นกระแสไฟฟ้า ในสมองเกิดการผิดปกติ ทำให้การกระทำที่กำลังทำอยู่ ณ ขณะนั้น คลับคล้ายว่าเคยเกิดมาก่อนหน้านี้มาแล้ว แต่ไม่สามารถจำเวลาได้..
สมองคนเราก็เหมือนเครื่องจักรย่อมเกิดข้อผิดพลาดบ้าง

  


ตัวอย่างคลิป








วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

2-56



กะว่าจะลง
    MAR -  มี.ค. 
PSY4301 (3)    (PC347)    คณะจัดสอบเอง
SEC. 1    F 0730-0920    NCB 204    ASSOC.PROF.LT.THIRACHAI  ศุกร์
SEC.2    F 1130-1320    NCB 204    MANIKA  ศุกร์
PSY4302 (3)    (PC348)    คณะจัดสอบเอง
SEC. 1   TU 0930-1120   NCB 204    ASSOC.PROF.LT.THIRACHAI  อังคาร
SEC.2    TH 0930-1120    NCB 204    MANIKA   พฤหัส
MCS2100 (3)  (MC210/MC311)    TH 1130-1320    SBB 201    W 12 MAR. 2014 B
MCS3301 (3)  (MC331)    F 1130-1320    VPB 401    S 22 MAR. 2014 A
ANT3057 / AN357  (3)    W1330-1520    KLB401    TU 25 MAR. 2014 A

ENG1001 (3)   (EN101)   W 19 MAR. 2014 A,B
ENG1002 (3)   (EN102)    TH 13 MAR. 2014 A,B
PSY3309 (3)    (PC349)    S 0930-1120  SWB 507  TU 25 MAR. 2014 B

PSY3208 (3)  (PC396)  F 1330-1520    NCB 204  Aj.VONGPHAKTH TH 20 MAR. 2014 B
(ง่ายถ้าอจ.วงพักสอน)
PSY3306 (3)  (PC453)    TU 1130-1320    NCB 203  MANIKA    คณะจัดสอบเอง

ลบ แฟ้มเวลาลงชื่อโคลมผิดพลาดได้ที่ %LOCALAPPDATA%\Google\Chrome\User Data\



วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Club Friday the Series 3 ตอนรักที่ไม่เคยได้รัก ย้อนหลัง

Club Friday the Series 3 ตอน รักที่ไม่เคยได้รัก  ย้อนหลัง

ตอนที่1

ตอนที่2

ตอนที่3

 ตอนที่4(จบ)

ว่าเรื่องของกัญชา...เรื่องแปลกๆที่ยังไม่รุ้

เรื่องจริงของกัญชา..ใบหญ้าต้องห้าม

กัญชา ( Ganja, Marijuana, Cannabis, Hemp, Weed, Pot ปุ๊น เนื้อ etc.) พืช ชนิดนึงที่รับรู้กันดีว่าเป็นสิ่งเสพติดให้โทษจากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ รวมทั้งจากในทีีวีและสื่อทั้งหลายว่าพืชนี้น่ะไม่ดี เป็นสิ่งเสพติดที่ผิดกฎหมาย นี่คืออีกหลายๆแง่มุมของกัญชาใบหญ้าต้องห้าม ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนและจะไม่ได้รู้จากสื่อทั่วไป

1) กัญชาไม่ใช่ยาที่เสพแล้วติด
กัญชาต่างกับยาเสพติดชนิดอื่น เพราะไม่ว่าคุณจะสูบ หรือกินติดต่อกันนานแค่ไหนก็ตาม คุณจะไม่ลงแดงจากอาการอยากยาแม้ว่าคุณจะเลิกเสพมันอย่างกระทันหัน เพราะกัญชามันคือพืชจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีใดๆที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการอยากยาทั้งทางร่างกายและจิตใจ ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับบุหรี่ที่รู้กันดีว่าเลิกได้ยากเ็ย็นสุดติ่ง จนหลายคนเลิกไม่ได้ต้องสูบไปตลอดชีวิต เหตุผลก็คือในบุหรี่มีการเติมส่วนผสมถึง 599 ชนิด มันจะกลายสภาพเป็นสารพิษและสารก่อมะเร็งเมื่อถูกเผาไหม้ ยกตัวอย่างเช่นแอมโมเนีย หนึ่งในส่วนประกอบของบุหรี่ที่เป็นสารพิษ  ส่วนประโยชน์(ต่อผู้ผลิต) ก็เพื่อเร่งให้สารนิโคตินในใบยาสูบวิ่งเข้าสมองเร็วขึ้น ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการติดบุหรี่ได้มากขึ้นถึง 100 เท่า
Ammonia boosts nicotine from smoke /  CANNABIS: THE FACTS, HUMAN RIGHTS AND THE LAW 

2) กัญชาไม่ได้ทำลายสมอง
จากการวิจัยของ UCSD (University of California at San Diego) ได้ทำการเปรียบเที่ยบการทำงานของสมองของผู้ที่เสพกัญชาเป็นประจำ 704 คน กับผู้ที่ไม่ได้เสพ 484 คน พบว่ากัญชาส่งผลกระทบต่อสมองน้อยกว่าคนที่กินเหล้าซะอีก  และกัญชาก็ไม่มีผลต่อความสามารถต่างๆของผู้เสพ เช่นการใช้เวลาในการตอบสนองต่อสิ่งรอบข้าง คือไม่ได้กลายเป็นคนอืดอาดเชื่องช้า ,ยังใช้ความตั้งใจในสิ่งต่างๆได้ดี, ความสามารถในการให้เหตุผลก็ยังทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงความสามารถในการขับขี่พาหนะก็ไม่ลดลงเช่นกัน ต่้างกับเมาเหล้าแล้วขับที่เสี่ยงทั้งชีวิตตัวเองและชีวิตคนอื่น



3) เหล้า บุหรี่  อันตรายกว่ากัญชา
การที่รัฐบาลจะกำหนดว่าอะไรถูกหรือผิดกฎหมาย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความห่วงใยในสุขภาพของประชาชนหรอกค่ะ เพราะทั้งเหล้าและบุหรี่ ที่รัฐบาลอนุญาติให้ขายและเสพได้อย่างเสรีนั้นก็เป็นที่รู้กันว่าเป็นสาเหตุ ให้คนตายปีละเกือบแสนคน ทั้งโรคมะเร็งปอดที่คร่าชีวิตคนเป็นอันดับต้นๆที่มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ และยังก่อให้เกิดความซวยได้ถ้ารับควันมือสองเข้าไป นิโคตินที่ถูกเผาไหม้มันไม่ได้เข้าปอดคนสูบคนเดียว แต่ไอ้ที่ถูกพ่นและลอยในอากาศมันก็ทำร้ายคนข้างๆที่สูดดมควันเข้าไปด้วย เหมือนกันส่วนเหล้านี่ก็เป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งตับ และมะเร็งเต้านมที่ฆ่าผู้หญิงเป็นอันดับที่ 3 แถมเหล้าก็เป็นน้ำเปลี่ยนนิสัยที่หลายครั้งก่อให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทในวง เหล้าที่เดี๋ยวแม่งก็ยิงกันหน้าผับอีกละ แล้วไม่ใช่แค่ฆ่าคนเมาด้วยกันเอง แต่แอลกอฮอล์ยังถือเป็นการฆ่าตัวตายผ่อนส่งไม่ต่างจากบุหรี่ เพราะทั้งนิโคตินและแอลกอฮอล์ล้วนเป็นพิษต่อร่างกายและสมองแถมทำให้เมาค้าง ตอนเ้ช้าซึ่งคุณจะไม่พบอาการแฮ้งโอเว่อร์นี้ในกัญชา และเชื่อหรือไม่ว่าในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่เคยมีใครตายหรือเป็นมะเร็งจากการเสพกัญชาเลยแม้แต่คนเดียว No one has ever died from smoking marijuana 

 

4)กัญชาไม่ได้ทำให้ขี้เกียจ
ว่ากันว่ากัญชาทำให้คนสูบขี้เกียจ ไม่มีวันเจริญ ซึ่งข้อนี้มันก็อาจจะจริง หรือไม่จริงก็ได้ มันขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยและความรับผิดชอบของตัวคนสูบว่าจะเอาแต่นอนเมาเกา ไข่อยู่หน้าทีวี หรือสูบแล้วรู้หน้าที่ตัวเองและใช้มันในทางสร้างสรรค์ เพราะงั้นก็หยุดโทษใบไม้ว่ามันทำให้ขี้เกียจหรือขาดแรงจูงใจในชีวิตกันซะ นี่คือตัวอย่างบางส่วนของคนดังที่ประสบความสำเร็จในชีวิตที่สูบกัญชา

Michael Phelps


เริ่มที่ Michael Phelps นักว่ายน้ำฉลามหนุ่มผู้กวาดเหรียญทองได้เป็นประวัติศาสตร์โลก ก็เพิ่งเป็นข่าวครึกโครมใหญ่โตเมื่อมีภาพเค้ากำลังสูบกัญชาบ้องใหญ่ แม้เจ้าตัวจะออกมาบอกว่าไม่จริ๊งไม่จริงและไม่ยอมรับ แต่สิ่งนึงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือกัญชาไม่ได้ทำให้ปอดของนักว่ายน้ำผู้นี้ อ่อนแอลงเลยซักนิดอย่างแน่นอน




 Bob Marley 
พูดถึงกัญชาแล้วจะขาดคนนี้ไปได้ยังไงกัน Bob Marley สุดยอดนักร้องเร็กเก้ อมตะตลาดกาล  แม้แต่ตัวตายไปแล้วแต่เสียงเพลงของเค้ายังคลาสสิคไปทั่วโลก จารึกไว้ในฐานะนักร้องผู้ชื่นชอบกัญชาและลัทธิรัสตาฟาเรียนนิสม์ (Rastafarianism) ลัทธิที่นับถือกัญชาว่าเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ เป็นสื่อกลางเพื่อเข้าถึงจิตวิญญาณ บ๊อบ มีลูกชายเท่ๆอีก 5 คนที่โตขึ้นโดยเจริญรอยตามพ่อบ๊อบเป็นศิลปินเร็กเก้กันหมด  สิ่งนี้อาจพอพิสูจน์ได้อย่างนึงว่าพ่อที่สูบกัญชาไม่ได้แปลว่าต้องเป็นขี้ยา หรือที่น่ารังเกียจของครอบครัว เพราะบ๊อบเป็นคุณพ่อตัวอย่างและเป็นที่รักสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ลูกๆได้ไม่ แพ้ใครเหมือนกัน
ลู ก ๆ ทั้ ง 5 ค น ข อ ง  B o b   M a r L e y

Eddie Bravo
ว่ากันว่าสูบกัญชานานๆจะทำให้สมรรถภาพทางร่างกายลดลง อ่อนแอ เหลาะแหละไม่เป็นผู้เป็นคน แต่ช้าก่อน ถ้าลองดูคนนี้ แล้วอาจทำให้ใครเปลี่ยนความคิดและเปิดสมองได้บ้าง เพราะเอ็ดดี้ บราโว่เองก็สูบกัญชามาช้านาน แต่อาชีพของฮีคือครูสอนวิชาป้องกันตัวสไตล์ ๋Jiu-Jitsu เป็นพิธีกรในการแข่งขัน UFC แถมมีโรงเรียนสอนวิชาป้องกันตัวของตัวเองถึง 30 แห่ง เป็นนักดนตรี เป็นนักเขียนด้วย เอ็ดดี้ไม่อายเลยที่จะบอกว่า กัญชานี่แหละคือสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตเค้าประสบความสำเร็จ ช่วยให้เค้าโฟกัสในสิ่งที่ทำมากขึ้น เป็นเหมือนยาที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานให้เค้า



  Joe Rogan 
ยังจำรายการเปิบพิศดาร Fearfactor ที่กินหนอนกินมดแมงสาบไส้วัวกันได้มั้ย นี่คือ พิธีกรมาดนิ่ง Joe Rogan และเค้ายังเป็น MMA Commentator, ครูสอนวิชา้ป้องกันตัว,  นักตลกเดี่ยวไมโครโฟนฝีปากคมคาย โจ โรแกน บอกว่าเค้าชอบสูบกัญชาแล้วไปออกกำลังกาย และเค้ายังเป็นตัวตั้งตัวตีในการช่วยโปรโมทถึงประโยชน์ของกัญชาเพื่อให้ กัญชาถูกกฎหมาย ส่วนที่ว่าสูบกัญชาทำให้ขี้เกียจโจบอกว่า "all weed does is motivate you to not do things that suck .And weed just makes you enjoy whatever you like doing even more. แปลว่า "กัญชาช่วยสร้างแรงจูงใจให้คุณไม่ทำเรื่องห่วยๆ และช่วยให้สนุกกับสิ่งที่ชอบทำมากกว่าที่เคย" เรื่องห่วยๆในที่ีนี้ก็ประมาณว่าพวกงานทั้งหลายที่คุณไม่อยากทำแต่ต้องทำ ยกตัวอย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพสำหรับพนักงานกินเงินเดือนทั้งหลายที่ยังต้องชงกาแฟให้ผู้จัดการ และพวกแขกดอยคอยดื่มในห้องประชุม จากปกติที่คุณเคยก้มหน้าก้มตาชงๆแม่งไป แต่เมื่อคุณเมากัญชา คุณจะสำนึกได้ว่าเอ๊ะนี่กูไม่ได้มีอาชีพชงกาแฟนี่หว่า หลังจากกลับมานั่งที่โต๊ะคุณก็จะคิดได้อีกว่าการอยู่ในออฟฟิศวันละ 8 ชั่วโมงนี่ก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตคุณค้นพบกับความหมายที่แท้จริงหรือความสุขของ ชีิวิต และตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้ว คุณคือหนึ่งในทาส full time ที่น่าจะรีบๆหาทางหลุดพ้นจากชีวิตทาสซะที ด้วยการเริ่มคิดเรื่องการมีธุรกิจเล็กๆก๊องๆแก๊งๆของตัวเอง เป็นเจ้านายตัวเอง ซึ่งปกติไม่ค่อยมีใครอยากคิดถึงเพราะแค่ีคิดก็เหนื่อยแ้ล้ว

EDDIE BRAVO &  JOE ROGAN เป็นทั้งเพื่อนซี้..






..และเพื่อนพี้
 Bill Hicks 
และคนสุดท้าย  Bill Hicks สุดยอดนักตลก Stand-Up Commedian ผู้ล่วงลับ ก็เคยทำเดี่ยวจิกกัดกฎหมายเกี่ยวกับกัญชาไว้เพียบ ส่วนความเห็นของ Bill เกี่ยวกับเรื่องสูบกัญชาแล้วขี้เกียจก็คล้ายๆกับที่โจ โรแกนบอกนั่นคือ "They lie about marijuana. Tell you pot-smoking makes you unmotivated. Lie! When you're high, you can do everything you normally do, just as well. You just realize that it's not worth the fucking effort. There is a difference." แปลว่า เค้า โกหกเราว่าสูบกัญชาแ้ล้วจะขี้เกียจ โกหกสิ้นดี ตอนที่เมาคุณก็ทำทุกอย่างได้เหมือนกับตอนไม่เมานั่นแหละ แต่คุณจะสำนึกได้มากกว่าเดิมว่าไอ้สิ่งที่ทำน่ะมันไม่คุ้มค่ากับความพยามเอา ซะเลย เนี่ยแหละที่มันต่างกัน..."


5)กฎหมายที่ว่ากัญชาผิดกฎหมายนั้นช่างสตอเบอร์แหล
ลองคิดขำๆว่ามีหน่วยงานของรัฐเดินเข้าไปในสวนผลไม้หลังบ้านคุณ เดินดิ่งไปที่ต้นน้อยหน่าแล้วหันมาบอกคุณว่าห้ามปลูกนะครับ น้อยหน่าผิดกฎหมายนะครับ เพราะหน้าตาเหมือนระเบิดเดี๋ยวจะมีคนเอาไปใช้ผิดวัตุประสงค์ ห้ามปลูกห้ามขายอีกต่อไป คุณคงคิดในใจว่า เห้ย เ่อ่อ ไอ้ห่านี่มึงบ้าไปแล้วรึเปล่า ใครมันจะไปห้ามธรรมชาติได้วะ ซึ่งเนี่ยแหละ มันก็เหมือนกับกัญชาที่ไม่ได้ต่างกับต้นไม้อื่นหรอก ธรรมชาติสร้างมันขึ้นมาเหมือนกัน เพราะงั้นการที่ีมีคนตั้งกฎแล้วเขียนมันลงในหน้ากระดาษว่ากัญชาผิดกฎหมาย ถ้าใครสูบ มีในครอบครองและขายใบไม้นี้จะต้องไปนอนในกรงขังน่ะมันไม่ใช้แค่บ้าธรรมดา แต่มันโคตรบ้าอำนาจ ยิ่งกว่านั้น รู้มั้ยว่าที่ออกกฎหมายให้กัญชาผิดกฎหมายมันก็ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ ความจริงและความยุติธรรมเลย เพราะในปี 1553 กัญชามันเคยถูกกฎหมายขนาดที่ใช้จ่ายแทนภาษีได้ แค่นั้นไม่พอ ชาวนาชาวไร่ในสมัยนั้นจะต้องถูกปรับซะด้วยซ้ำหากมีพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการ เพาะปลูกแต่ไม่ยอมปลูกกัญชา หรือปลูกแล้วเอามาใช้ไม่ได้ เพราะการไม่ปลูกกัญชาในสมัยนั้นมีโทษและถือว่าผิดกฎหมายค่ะ และในปี 1850 มีฟาร์มที่ปลูกกัญชามากถึง 8,300 ฟาร์ม ส่วนปัจจุบันปี 2012 ถ้าคุณมีแค่ซักต้นนึงในกระถางหลังบ้าน คุณต้องไปเที่ยวห้องกรง เห็นมั้ยว่ากฎหมายที่ตั้งขึ้นเพื่อใช้กับใบไม้อย่างกัญชานั้น ไ่ม่ได้เป็นสิ่งที่เที่ยงตรงและแท้จริงเลยซักนิด แต่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมสิทธิของมนุษย์อย่างเราๆให้เป็นไปตามความ ต้องการของรัฐบาลแต่ละยุคสมัยเท่านั้นเอง อย่างในสมัยนี้ ถ้ากัญชาไม่ผิดกฎหมาย รายได้่ของรัฐบาลที่ได้จากการเก็บภาษีเหล้าและบุหรี่ก็จะลดลงไปมาก เพราะใครๆก็จะปลูกกัญชาและสูบมันเองฟรีๆ ดีกว่าเสียเงินซื้อเหล้าและบุหรี่ที่ยิ่งสูบยิ่งกินก็เหมือนฆ่าตัวตายผ่อน ส่ง
It was LEGAL TO PAY TAXES WITH HEMP

6) กัญชาเป็นวัตถุดิบทางอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพดีเยี่ยม 
กัญชาเป็นวัถุดิบที่ใช้ผลิตสินค้่าอุตสาหกรรมมากมายกว่า 25,000 ชนิด ย้อนไปเมื่อ 12,000 ปีที่แล้ว กัญชาถูกปลูกไว้เพื่อใช้ผลิตกระดาษและวัสดุสิ่งทอที่มีคุณภาพสูง  กระดาษแผ่นแรกบนโลกนี้ก็ทำขึ้นจากกัญชา และมันเป็นกระดาษที่มีคุณภาพดีที่สุดที่ต่อให้นานยังไงมันก็จะไม่เหลืองและ ขาดง่ายๆ คัมภีร์ไบเบิ้ลเล่มแรกของโลกก็เขียนบนกระดาษที่ทำจากกัญชา และยังเอามาทำเป็นเส้นไยไฟเบอร์ผลิตเชือกที่แข็งแรงที่สุด เป็นอาหารสัตว์ แถมยังสกัดเอามาทำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้สำหรับรถได้ด้วย  และมันยังถือว่าเป็นอาหารที่สุดยอดเพราะอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่ มนุษย์ต้องการ ถ้าเอามาทำเป็นน้ำมันสำหรับทำอาหารก็จะไม่ทำลายสุขภาพเพราะมันเป็นไขมันดี รู้มั้ยว่าถุงชาลิปตันก็ทำมาจากกัญชาเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นกัญชายังเป็นพืชเกษตรที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของทุกประเทศยากจน ได้แบบพลิกเศรษฐกิจโลกได้เลย และด้วยความที่มันคือหญ้า มันเลยปลูกได้โคตรง่ายแบบหว่านไปทางไหนก็ขึ้นเอง

เมล็ดกัญชานั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะหาได้ในโลกนี้
กั ญ ช า พื ช ส า ร พั ด ป ระ โ ย ช น์

7) กัญชา กัญชา  เป็นยาวิเศษ
นอกจากใส่ในอาหารอร่อยแบบต้องซดจนหยดสุดท้ายแล้ว กัญชายังมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้ ช่วยรักษาโรคเบื่ออาหารในผู้ป่วยโรคเอดส์  สาร THC ในกัญชายังช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยมะเร็ง รักษาโรคไขมันอุดตันของหลอดเลือดจากการสูบบุหรี่  โรคหัวใจ แม้แต่มะเร็งผิวหนังก็ มีคนหายมาแล้วเพราะทาน้ำมันกัญชาที่เรียกว่า Hemp Oil กัญชายังเป็นยานอนหลับฉบับธรรมชาติที่ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ และโรคทางจิตเวทอย่างโรคซึมเศร้าก็ช่วยได้โดย Side Effect ของมันก็คือช่วยให้คุณอารมณ์ดีและหัวเราะ ซึ่งก็ดีกว่ากินยาผสมฟลูโอไรด์อย่าง Prozac ที่ทำให้สุขภาพแย่ลงไม่่ต่างจากกินยาพิษ และความวิเศษของกัญชาแบบ Non Toxic นี่เองที่อาจจะทำให้กัญชาเป็นพืชต้องห้าม เพราะถ้ามันถูกกฎหมายแบบใครก็ปลูกได้ แล้วใครล่ะ จะอยากไปเสียเงินมากมายเป็นหมื่นเป็นแสนให้คลีนิคและโรงพยาบาล รู้มั้ยว่าธุรกิจของพวกโรงบาลแพทย์แผนตะวันตกนั้นทำรายได้มากที่สุดในโลก เป็นอันดับสองรองจากธุรกิจค้าอาวุธ โชคดีหน่อยที่แม้ปัจจุบันในบางรัฐของอเมริกา เม็กซิโก และแคลิฟอเนีย เค้าอนุญาติให้ขายกัญชาแก่ผู้ป่วยได้แล้ว แต่ทุกคนก็ต้องได้รับอนุญาติจากหมอก่อนอยู่ดี..

8)กัญชากับศาสนา
นับพันนับหมื่นปีมาแล้วนะคะทุกคน ที่กัญชาถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในหลายๆศาสนาทั่วโลกทั้งแอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย อย่างฮินดูเองก็มีเทพที่ชื่อว่า Shiva หรือไทยเราเรียกว่าพระศิวะนั่นแหละ กัญชาที่พระศิวะสูบเรียกว่า"โอสถมวน" แปลว่าของมึนเมาแห่งจักรวาล แถมเค้ามีพิธีเจ๋งๆที่เรียกว่า"ศิวะราตรี" จัดขึ้นในเนปาล โดยจะมีพวกนักบวชและนักแสวงบุญมารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมายเพื่อสูบกัญชากัน แบบ Non Stop 1วัน 1คืนเต็มๆ เพื่อถวายแก่พระศิวะ

S h i v a    N i g h t

อีกหนึ่งศาสนาที่เกี่ยวกับกัญชาคือ ราสตาฟาเรียน (Rastafarian)  ศาสนาที่มีรากฐานมาจากจาไมก้า ศาสนานี้เค้ามีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในกัญชา แรกๆชาวจาไมก้าเค้าใช้กัญชาเป็นยาสมุนไพร เอามาต้มๆเป็นชา น่าจะคล้ายๆกับวิธีการกินยาีจีนยาหม้อบ้านเรา แต่ก็มีแบบสูบด้วยเหมือนกัน ชาวราสตาฟาเรียนยังให้ชื่อกัญชาว่าเป็น "Wisdom Weed" หญ้าแห่งปัญญา บอกว่าเป็นพืชที่จะช่วยให้ฉลาดขึ้น โดยช่วยให้เข้าถึงจิตวิญญาณภายในตัว เองมากกว่าเดิม ซึ่งข้อนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่มีวิญญาณ คุณควรจะรู้จักวิญญาณของตัวเองให้แท้จริงเพราะไม่มีใครบนโลกนี้จะรู้จัก วิญญาณของคุณเองได้ดีไปกว่าตัวคุณ แต่คุณต้องให้เวลาค้นหาความหมายของชีวิตคุณเอง เพื่อจะุได้รู้ว่าชีวิตของคุณนั้นต้องการอะไรอีก นอกจากแบล็กเบอรี่ ไอแพด ไอโฟน ความขาวและกล้ามเนื้อไบเซบ เพื่อการพัฒนาตัวตนภายในของคุณให้สูงขึ้นเพื่อค้นพบกับความสุขที่แ้ท้จริ งด้วยตัวของคุณเอง และสำหรับชาวราสตาฟาเรียนแล้วเค้ายกให้กัญชาเป็นส่วนช่วยให้เข้าถึงจิต วิญญาณของตัวเองได้ง่ายขึ้น นี่แหละที่เรียกว่าความฉลาดตามความหมายของราสตาฟาเรียน ไม่เกี่ยวกับคะแนนหรือ GPA ที่คนอื่นระบุให้คุณ แต่เป็นคุณที่พัฒนาวิญญาณของคุณไปตลอดชีวิต เพราะเนื้อหนังมังสาภายนอกไม่ได้จีรังยั่งยืน ไม่ใ่ช่สิ่งแท้จริงและไม่ใช่ของคุณด้วยซ้ำ วิญญาณตังหากจะเ็ป็นสิ่งที่ระบุตัวตนของคุณและเป็นสิ่งเดียวที่ยังอยู่หลัง จากคุณตาย


แดง เขียว เหลือง  สัญลักษณ์ของราสตาฟารี่
9) กัญชากับโยคะ
ส่วน ตัวเฟิร์สเองมีโอกาศได้ฝึกโยคะได้เกือบๆ 2 ปี และก็ชอบมากจริงๆ ทำให้รู้ว่าร่างกายของเรานั้นมันยืดได้กว่าที่คิด  ว่าไปมันไม่ใช่แค่กิจกรรมสำหรับคนที่สนใจโยคะตามคลาสหรอก แต่โยคะเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำทุกวันเพื่อยืดเส้นยืดสาย เพราะมันช่วยให้คุณผ่อนคลายได้ทุกส่วนจริงๆนะ คุณจะรู้จักส่วนต่างๆของร่างกายดีขึ้นและรู้ว่าจะทำท่าไหนให้ส่วนที่ตึงได้ คลาย พอไอ้่ส่วนที่มันตึงได้โดนปล่อย ระบบเลือดไหวเวียน มันก็ส่งผลถึงอารมณ์ของคุณด้วย ปัจจุบันมีการเอากัญชาเข้ามาผสมผสานกับการทำโยคะด้วย เรียกว่า “Ganja Yoga”  มีการสูบแบบจริงๆจังๆในห้องโยคะกันเลยทีเดียวแหละ เค้าบอกว่ามันทำให้ผ่อนคลายได้ลึกขึ้น โดยครูสอนโยคะเปรียบกัญชาว่ามันก็เหมือนกับเกลือบนอาหารนั่นแหละ คือช่วยเพิ่มรสชาดให้การทำโยคะนุ่มนวลกว่าเดิม


G a n j a     Y o g a
ทั้งหมดทั้งปวงที่เขียนๆมา ไม่ว่าจะเรื่องกัญชาไม่ทำให้คุณกลายเป็นคนติดยาแบบที่สังคมชอบประนามกัน หนำซ้ำยังอันตรายน้อยกว่าเหล้าและบุหรี่ที่ถูกกฎหมายขายกันเกลื่อนซะอีก ไหนจะเป็นยาวิเศษช่วยรักษาโรคได้ทั้งกายและจิตใจ เป็นวัตถุดิบช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ และช่วยพัฒนาตัวตนของคุณ นี่ก็แสดงให้เห็นได้แล้วล่ะว่า กัญชาน่ามีประโยชน์กับมนุษย์ซะมากกว่าจะทำร้ายเรา แต่สิ่งที่บั่นทอนเรามากกว่าใบหญ้าที่เรียกว่ากัญชานั่นก็คือกฎหมายบ้าๆที่ ออกมาควบคุมสิทธิของเราทุกคนให้อยู่ใต้กฎเกณฑ์ที่เค้ากำหนด คุณพอจะเซ็งบ้างรึยังกับพวกบ้าอำนาจที่ออกกฎเพื่อประโยชน์ของตัวเองโดยไร้ ความยุติธรรมและคุณธรรม






กฎหมายอาจล้างสมองใครบางคนให้กลัวพืชได้ แต่ไม่ใช่ชั้นแน่นอน

FeedBurner