เดชาวู (déjà
vu)
เดชาวู (déjà
vu) เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า เคยเห็นมาก่อนแล้ว
คำว่า déjà vu นี้ มาจาก
นักวิจัยชาวฝรั่งเศสซึ่งศึกษาเรื่องลึกลับของจิตชื่อ Emile Boirac
เดจาวู
ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นประสบการณ์ทางจิตที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนและทุกเวลา
เกิดได้แม้กระทั่งในเวลาตื่นโดยเราอาจจะคิดว่าเราเพ้อฝันไป เป็นอาการที่รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งพบครั้งแรกนั้น
เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดมาแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าเกิดขึ้นในฝันหรือในอดีต คำอธิบายที่เรามักอ้างให้ตัวเองคือ
"คิดไปเองน่า" ได้มีการทำโพลสำรวจพบว่า คนอเมริกันราว 67%
เคยมีประสบการณ์เดชาวู
ส่วนใหญ่ก็จะใช้กันในแวดวงเรื่องของจิต เรื่องของสังหรณ์และการระลึกได้มากกว่า
เดชาวูที่น่ารู้จัก 3 แบบหลัก
1. เดชา
เวกู (déjà vécu) หรือ "เคยใช้ชีวิตในลักษณะเช่นนี้มาแล้ว" นั่นคือ
คนที่มีประสบการณ์นี้จะรู้สึกเหมือนกับว่า ตัวเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น
ได้เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วในอดีต ตรงกันหมดในรายละเอียดไม่ว่าสถานที่ สิ่งของ
คนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคำพูด และกิริยาท่าทางของคนรอบข้าง
2.เดชา
ซองติ (déjà senti) หรือ "เคยรู้สึกเช่นนี้มาแล้ว" นั้น มีจุดแตกต่างจากเดชา เวกู
ตรงที่ว่า เดชา ซองติ เป็นความรู้สึกที่ขึ้นในใจเป็นหลัก และมักจะถูกกระตุ้นด้วย
"คำ" เช่น ได้ยินคนอื่นพูด คิดคำอยู่ในใจ หรืออ่านคำ ๆ หนึ่งแล้วคิดตาม
และที่สำคัญคือ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ (ทำนายเหตุการณ์ไม่ได้) ซึ่งต่างจากกรณีของเดชา
เวกู
3.เดชา
วิซีต (déjà visitè) หรือ “เคยเยือนสถานที่นี้มาแล้ว” นี่ก็ลึกลับไม่เบา เพราะมีหลายกรณีที่บางคนบันทึกไว้ว่า
รู้สึกคุ้นเคยราวกับว่าเคยอาศัยอยู่ใน (หรือเคยไปเยี่ยมเยือน)
สถานที่หนึ่ง ๆ มาแล้ว ทั้ง ๆ ที่เพิ่งไปเป็นครั้งแรก
- ตัวอย่างในละครเรื่องเกมร้ายเกมรัก ที่ญาญ่า
พูดกับ สายชลหรือชาร์ลส์ ว่าเป็นอาการที่เกิดกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเคยประสบครั้งแรก
แต่มีความรู้สึกเหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต
ทฤษฎีแรก อดีตชาติ
เดจาวู เป็นประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ..สิ่งใดก็ตามที่เคยเกิดไปแล้วในอดีต จะย้อนกลับมาเกิดซํ้าอีก เหมือนกับการที่เรากลับชาติมาหลายชาติ นั่นแหละ เราจะผ่านประสบการณ์มากมาย และบางสิ่งอาจหลงเหลือในความทรงจำ แล้วย้อนกลับมาเกิดอีก ทำให้รู้สึกว่าเคยเห็นมาก่อน
ทฤษฎีที่สอง พลังจิต
บ้างว่า เดจาวู เป็นพลังจิตรูปหนึ่ง บ้างเรียกว่า ตาทิพย์ หรือ กสิณ ในตำราพราหมณ์ เป็นเพราะกายทิพย์ของคนนั้นได้ไปเยือนสถานที่แห่งนั้นมาแล้ว พอกายเนื้อไปที่นั่นจริง ๆ ก็เลยจำได้
ทฤษฎีที่สาม จักรวาลคู่ขนาน
มีคนผูกทฤษฎีเดจาวู กับทฤษฎีจักรวาลคู่ขนาน กล่าวว่า การที่เรารู้สึกหรือเห็นภาพที่คล้ายว่าเคยทำมาก่อน นั่นแหละ คุณเคยทำจริง แต่เป็นคุณในอีกโลกหนึ่งต่างหากที่ได้ทำ คุณในทุกๆโลก ถูกผูกกันด้วยสายใยบางอย่าง อาจเป็นเพราะ สมองมีคลื่นตรงกัน ก็เป็นคุณคนเดียวกันนี่นาในบางจังหวะที่เหมาะสม กระแสประสาทจูนกัน คุณก็ได้รับรู้ถึงกระแสความคิดจากคุณในอีกโลก
ทฤษฎีสุดท้าย คิดไปเอง
ทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่า เกิดจากสมองแปลข้อมูลผิดพลาด พูดง่ายๆก็คือ ไม่ได้เห็นมาแล้วหรอก แต่คิดไปว่าเห็นมาแล้ว ทางการแพทย์เรียกว่า การไหลของคลื่นกระแสไฟฟ้า ในสมองเกิดการผิดปกติ ทำให้การกระทำที่กำลังทำอยู่ ณ ขณะนั้น คลับคล้ายว่าเคยเกิดมาก่อนหน้านี้มาแล้ว แต่ไม่สามารถจำเวลาได้..
สมองคนเราก็เหมือนเครื่องจักรย่อมเกิดข้อผิดพลาดบ้าง
เดจาวู เป็นประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ..สิ่งใดก็ตามที่เคยเกิดไปแล้วในอดีต จะย้อนกลับมาเกิดซํ้าอีก เหมือนกับการที่เรากลับชาติมาหลายชาติ นั่นแหละ เราจะผ่านประสบการณ์มากมาย และบางสิ่งอาจหลงเหลือในความทรงจำ แล้วย้อนกลับมาเกิดอีก ทำให้รู้สึกว่าเคยเห็นมาก่อน
ทฤษฎีที่สอง พลังจิต
บ้างว่า เดจาวู เป็นพลังจิตรูปหนึ่ง บ้างเรียกว่า ตาทิพย์ หรือ กสิณ ในตำราพราหมณ์ เป็นเพราะกายทิพย์ของคนนั้นได้ไปเยือนสถานที่แห่งนั้นมาแล้ว พอกายเนื้อไปที่นั่นจริง ๆ ก็เลยจำได้
ทฤษฎีที่สาม จักรวาลคู่ขนาน
มีคนผูกทฤษฎีเดจาวู กับทฤษฎีจักรวาลคู่ขนาน กล่าวว่า การที่เรารู้สึกหรือเห็นภาพที่คล้ายว่าเคยทำมาก่อน นั่นแหละ คุณเคยทำจริง แต่เป็นคุณในอีกโลกหนึ่งต่างหากที่ได้ทำ คุณในทุกๆโลก ถูกผูกกันด้วยสายใยบางอย่าง อาจเป็นเพราะ สมองมีคลื่นตรงกัน ก็เป็นคุณคนเดียวกันนี่นาในบางจังหวะที่เหมาะสม กระแสประสาทจูนกัน คุณก็ได้รับรู้ถึงกระแสความคิดจากคุณในอีกโลก
ทฤษฎีสุดท้าย คิดไปเอง
ทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่า เกิดจากสมองแปลข้อมูลผิดพลาด พูดง่ายๆก็คือ ไม่ได้เห็นมาแล้วหรอก แต่คิดไปว่าเห็นมาแล้ว ทางการแพทย์เรียกว่า การไหลของคลื่นกระแสไฟฟ้า ในสมองเกิดการผิดปกติ ทำให้การกระทำที่กำลังทำอยู่ ณ ขณะนั้น คลับคล้ายว่าเคยเกิดมาก่อนหน้านี้มาแล้ว แต่ไม่สามารถจำเวลาได้..
สมองคนเราก็เหมือนเครื่องจักรย่อมเกิดข้อผิดพลาดบ้าง
ตัวอย่างคลิป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น